5 อันดับบริษัทรถยนต์ไฟฟ้า EV ที่ใหญ่ที่สุดและครองตลาดของโลก

รถยนต์ไฟฟ้า(EV)กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก ด้วยความที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและอาจช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายหากเทียบกับค่าน้ำมัน รวมถึงการซ่อมบำรุง รถ EV ได้กลายเป็นตัวเลือกสำหรับผู้บริโภคมากขึ้นเรื่อยๆ หลายฝ่ายมีความคาดหวังว่า รถ EV จะสามารถเข้ามาแทนที่รถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้ในอนาคต
รู้จัก 5 บริษัทยักษ์ใหญ่ ที่ครองตลาดรถ EV ของโลกในเวลานี้
จากข้อมูลของ bloomberg ได้รายงานว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นทั่วโลกมากกว่า 60% ในปี 2565 รวมทั้งในอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งแต่เดิมเป็นตลาดเล็กๆ สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า แต่เวลานี้ยอดขาย เพิ่มขึ้นมากกว่า 200% ตัวอย่างเช่น ในประเทศญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 100% และ จีนเพิ่มขึ้น เกือบ 100% ขณะที่ออสเตรเลียเพิ่มขึ้น 90% ส่วนในพื้นที่ สหรัฐฯ เพิ่ม 50% และ ในทวีป ยุโรป เพิ่มขึ้น 17% SPOTLIGHT พามาสำรวจดูสถานการณ์ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของโลกว่า ค่ายยักษ์ใหญ่ในปัจจุบันเป็นอย่างไรกันบ้าง

1. Tesla TSLA (เทสลา)
Tesla คือบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติอเมริกันที่ก่อตั้งโดย อีลอน มัสก์ ในปี 2003 ด้วยเป้าหมายที่จะสร้างรถยนต์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพและเข้าถึงได้ง่ายกว่ารถยนต์ไฟฟ้าที่มีอยู่ในตลาดในขณะนั้น
จุดเริ่มต้น Tesla
ในช่วงแรก Tesla ประสบปัญหามากมาย ทั้งปัญหาด้านการเงินและเทคโนโลยี จนกระทั่งในปี 2008 Tesla ได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Roadster ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าสปอร์ตที่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม โดยตลอดการผลิตสามารถจำหน่ายได้มากกว่า 2,000 คันทั่วโลก (ปัจจุบันรุ่นนี้ยุติการผลิตแล้ว) ณ.ความสำเร็จของ Roadster ช่วยให้ Tesla มีเงินทุนเพียงพอที่จะพัฒนารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นต่อไป ซึ่งก็คือ Model S เป็นรถยนต์ไฟฟ้าซีดานที่เปิดตัวในปี 2012 Model S ได้รับการยกย่องว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ดีที่สุดในโลกในขณะนั้น ด้วยสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย
นวัตกรรมคือปัจจัยสู่ความสำเร็จ Tesla
Tesla ถือว่าเป็นบริษัทแรกที่เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าที่มีระยะทางไกล ซึ่งเป็นสิ่งที่แตกต่างจากผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายอื่นๆ ในขณะนั้น เช่น Tesla Model S มีระยะทางไกลสูงสุด 468 ไมล์ (750 กิโลเมตร) ซึ่งมากกว่ารถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่ในตลาด นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีการชาร์จที่รวดเร็วอย่าง Tesla Supercharger สามารถชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ Tesla ได้ถึง 80% ภายในเวลาประมาณ 30 นาที
รวมทั้ง Tesla ยังเป็นผู้นำในการพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับ จากการเปิดตัวระบบ Autopilot ซึ่งเป็นระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบอัตโนมัติที่ช่วยให้รถยนต์ Tesla สามารถขับขี่ได้เองโดยอัตโนมัติในบางสถานการณ์ และในเวลานี้ Tesla มีรถยนต์ไฟฟ้าหลายรุ่นที่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม ได้แก่ Model S, Model X, Model Y และ Model 3 Model S เป็นรถยนต์ไฟฟ้าซีดานที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยได้รับการยกย่องว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ดีที่สุดในโลกในขณะนั้น Model 3 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัดที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก จนกลายเป็นผู้นำด้านรถยนต์ไฟฟ้าของโลก โดยบริษัทมียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปีและ ในปี 2022 Tesla มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกมากกว่า 1.3 ล้านคัน
2. BYD Auto
BYD หรือ “Build Your Dreams” เป็นบริษัทสัญชาติจีนที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2538 โดย หวัง ชวนฟู ด้วยความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานสะอาด BYD เริ่มต้นจากการเป็นบริษัทผลิตแบตเตอรี่ ก่อนจะขยายธุรกิจไปสู่การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและรถบัสไฟฟ้า
จุดเริ่มต้น BYD
บริษัทเริ่มต้นจากธุรกิจการผลิตแบตเตอรี่และผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในครัวเรือน ต่อมาได้ขยายไปสู่การผลิตสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และแล็ปท็อปให้กับแบรนด์ต่างๆ เช่น Apple, Dell, Samsung, Toshiba, Motorola และอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้ในระยะเวลาไม่ถึง 10 ปี BYD สามารถครองส่วนแบ่งมากกว่า 50% ในตลาดผู้ผลิตแบตเตอรี่มือถือ อีกทั้งยังเป็นผู้ผลิตถ่านชาร์จรายใหญ่ที่สุดในประเทศจีน
ด้วยความสำเร็จในการเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ BYD ได้เริ่มรุกเข้าสู่ธุรกิจยานยนต์ในปี 2545 โดยได้ไปซื้อบริษัทรถยนต์ Tsinchuan Aut
แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน และ วอร์เรน บัฟเฟตต์ คือจุดเปลี่ยน
ในปี 2551 BYD Auto ได้สร้าง นวัตกรรม รถพลังไฟฟ้าแบบปลั๊ก-อิน ไฮบริด PHEV ( รถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊กอินที่ใช้พลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกับเครื่องยนต์) คันแรกของโลกได้ รุ่น BYD Auto’s F3DM PHEV-60 hatchback
นอกจากนี้ยังมีนวัตกรรม แบตเตอรี่ชาร์จใหม่ ( Rechargeable Batteries ) : แบตเตอรี่ชาร์จใหม่โดยเฉพาะแบตเตอรี่ลิเธียมไอรอนฟอสเฟต (LiFePO4) แบตเตอรี่ที่ใช้งานอย่างแพร่หลายในรถยนต์ไฟฟ้าและระบบจัดเก็บพลังงาน
จากความชำนาญที่เป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่มาอย่างยาวนานจนต่อยอดพัฒนา จนได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้ลงทุนเป็นจำนวนมาก จุดเปลี่ยนสำคัญคือ วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนชื่อดังของโลก ให้ความสนใจและเข้ามาลงทุนในบริษัท BYD โดยลงทุนผ่านทาง Berkshire Hathaway ถือหุ้นจำนวน 225,000,000 หุ้น ด้วยมูลค่า 232 ล้านดอลลาร์
จากรายงานตัวเลขยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า BYD ปี 2565 มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก โ
3. Li Auto
Li Auto ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2558 โดย Li Xiang ผู้ก่อตั้งและประธานของบริษัท ตั้งอยู่ในเมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน เพื่อพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวจีนได้ Li Auto มีเป้าหมายที่จะนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าที่มีคุณภาพสูงและราคาที่เข้าถึงได้
จุดเริ่มต้น Li Auto
จุดเริ่มต้นของ Li Auto นั้นมาจากการที่ Li Xiang ทำงานเป็นวิศวกรซอฟต์แวร์ในบริษัทรถยนต์แห่งหนึ่งในประเทศจีน เขาได้เห็นการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในจีน และเชื่อว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะเป็นอนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์ เขาจึงตัดสินใจลาออกจากงานและก่อตั้ง Li Auto ขึ้นในปี 2558 โดยบริษัทมุ่งเน้นไปที่ EREV SUV ระดับพรีเมี่ยมสำหรับตลาดจีน เป็นหลัก
เริ่มต้นนำเสนอ รถยนต์แบบ EREV และเน้นความ พรีเมี่ยม เป็นหลัก
Li Auto เริ่มต้นนำเสนอรถยนต์แบบ EREV ย่อมาจาก “Extended Range Electric Vehicle” ซึ่งเป็นประเภทหนึ่งของรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานสะอาด (Electric Vehicle – EV) มาพร้อมระบบเครื่องยนต์สำรองใช้น้ำมันหรือเชื้อเพลิงอื่น นอกจากไฟฟ้าในการสร้างพลังงานขับเคลื่อน โดยระบบนี้ช่วยเพิ่มระยะทางการขับเคลื่อนของรถยนต์ไฟฟ้าและลดปัญหาของข้อจำกัดในการเติมพลังงานของรถไฟฟ้าทั่วไป ที่มีข้อจำกัดในระยะทางที่สามารถขับได้ก่อนจะต้องชาร์จใหม่. ทำให้ระยะการขับขี่ที่ไกลกว่ารถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ล้วน ไม่ต้องกังวลเรื่องระยะการขับขี่เมื่อแบตเตอรี่หมด นอกจากนี้ยังเน้นความพรีเมี่ยมเป็นหลัก โดยรถยนต์รุ่น Li One และ Li L9 ของ Li Auto ได้รับการออกแบบและผลิตโดยใช้วัสดุและเทคโนโลยีที่มีคุณภาพสูง ส่งผลให้รถยนต์ของ Li Auto มีสมรรถนะที่ดีและมีความทนทาน แต่ราคาเข้าถึงได้ง่าย
4. VinFast
VinFast Auto (หรือ VinFast) เป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติเวียดนาม ก่อตั้งขึ้นในปี 2560 โดย ฝ่าม เญิ้ต เวือง (Pham Nhat Vuong) วัย 54 ปี มหาเศรษฐีและนักธุรกิจที่รวยที่สุดในเวียดนาม ผู้ก่อตั้ง วินน์ กรุ๊ป Vingroup ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม VinFast มีเป้าหมายที่จะพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าที่มีคุณภาพสูงและราคาที่จับต้องได้ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั้งในเวียดนามและต่างประเทศ
จุดเริ่มต้น VinFast
VinFast ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2560 โดยบริษัทแม่คือ VinGroup ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ของเวียดนาม VinFast เริ่มต้นด้วยการผลิตรถยนต์สันดาป โดยมีความช่วยเหลือด้านการผลิตและออกแบบจาก 3 ค่ายรถยนต์สัญชาติยุโรป ได้แก่ Pininfarina, BMW และ Magna Steyr ในปี 2561 VinFast ได้เปิดตัวรถยนต์สันดาป 2 รุ่นแรก ได้แก่ LUX A2.0 และ LUX SA2.0 ซึ่งใช้ต้นแบบจาก BMW 5 Series F10 และ BMW X5 F15 จนในปี 2564 VinFast ได้เปิดตัวรถยนต์ EVของตัวเองรุ่นแรกชื่อ VF e34 จำหน่ายในเวียดนามเป็นที่แรก
แตกต่างด้วย โมเดลการให้เช่าแบตเตอรี่
VinFast ใช้โมเดลธุรกิจที่เรียกว่า Battery Subscription ซึ่งผู้ใช้สามารถเช่าแบตเตอรี่จาก VinFast ได้แทนการซื้อ โดยค่าใช้จ่ายรายเดือนนี้ ผู้บริโภคสามารถเลือกได้ตั้งแต่ หลักร้อยถึงหลักพัน บาทต่อเดือน ขึ้นอยู่กับการใช้งาน และจำนวนแบตเตอรี่ ที่ต้องการเปลี่ยน นอกจากนี้ยัง มีราคาที่เข้าถึงได้ง่าย VinFast มีราคารถยนต์ที่เข้าถึงได้ง่ายกว่าคู่แข่งรายอื่น ๆ ในตลาด ซึ่งทำให้ผู้บริโภคมีโอกาสเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าได้ง่ายขึ้น
5. Rivian
บริษัท Rivian เป็นสตาร์ทอัพรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติอเมริกันที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2552 โดย อาร์ เจ สแคริง ผู้ก่อตั้งจาก นักศึกษาจากมหาวิทยาลัย Massachusetts Institute of Technology หรือ MIT ในด้านวิศวกรรมเครื่องกล ที่มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าจนสามารถหาแนวทางของตัวเอง จนเกิดเป็น รถกระบะไฟฟ้ารายแรก และยังมีสัญญาผลิตรถตู้ส่งของไฟฟ้าให้กับ Amazon หลายแสนคัน
จุดเริ่มต้น Rivian
เส้นทางของ Rivian ไม่ได้มาง่ายๆ เนื่องจากในช่วงก่อตั้งบริษัทต้องเผชิญกับความยากลำบากจากการขาดแคลนเงินทุน และการขาดประสบการณ์ในการผลิตรถยนต์ รวมไปจนถึงการแข่งขันรถยนต์ไฟฟ้า ที่ดุเดือด จากบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Tesla แต่ถึงอย่างนั้นทาง Rivian ก็ไม่เคยย่อท้อ ทีมผู้บริหารและพนักงานทุกคนต่างทุ่มเททำงานอย่างหนัก เพื่อพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า จนในที่สุด ความสำเร็จก็มาถึง Rivian สามารถผลิตและจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าได้สำเร็จ และได้รับความสนใจจากนักลงทุนจำนวนมาก
รถเก๋งไม่ รถกระบะใช่
อาร์ เจ สแคริง ผู้ก่อตั้งจาก เริ่มต้นอยากจะทำ รถสปอร์ตไฟฟ้า มากกว่าแต่พอมองภาพรวมตลาดในเวลานั้น ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่จะเน้นไปที่รถเก๋งมากกว่า ทำให้เขาจึงเบนเข็มมาพัฒนารถกระบะและรถ SUV ไฟฟ้าแทน
นวัตกรรมเด่นๆของ Rivian คือ การพัฒนาช่วงโครงช่วงล่างของรถยนต์ ที่เรียกว่า Skateboard Platform ซึ่งเป็นแนวคิดทำให้ รถมีศูนย์ถ่วงที่ต่ำ และนำมอเตอร์ไฟฟ้า, แบตเตอรี่ และแผงควบคุมต่าง ๆ ติดตั้งไว้ด้านล่างของตัวรถ ทำให้ตอบโจทย์รถกระบะ Off-Road หรือ SUV ที่ขับเคลื่อนสี่ล้อ
ทำให้การขับขี่สนุก และเหมาะกับการขับเคลื่อนสี่ล้อ เหมาะกับรถยนต์ประเภท Off-Road อย่างรถกระบะและ SUV นอกจากนี้ยังทำให้การออกแบบทำได้อิสระมากขึ้น โดย Skateboard Platform นี้มีจุดเด่นๆอย่าง การ รองรับการติดตั้งมอเตอร์ได้สูงสุด 4 ตัว มีใช้ระบบกันสะเทือนแบบถุงลมแยกอิสระ ตัวรถมีการติดตั้งทั้งระบบจัดการแบตเตอรี่อัจฉริยะ ระบบควบคุมไฮดรอลิกช่วงล่าง และระบบระบายความร้อน ที่ยอดเยี่ยม
ขอบคุณข้อมูล : AMARIN 34 HD
อ่านบทความเพิ่มเติม : RANKING5