5 อันดับประเทศผลิตพลังงานทดแทนเยอะที่สุดในโลก Clean Energy

พลังงานทดแทน Clean Energy กำลังได้รับการผลักดันให้เป็นทางเลือกที่ยั่งยืนแทนเชื้อเพลิงฟอสซิล และรัฐบาลในหลายประเทศก็ตระหนักถึงประโยชน์ของการผลิตพลังงานทดแทน ได้สนับสนุนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เพิ่มการตระหนักรู้ของสาธารณชน และนำเสนอนโยบายที่สนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนด้วยการผลิตพลังงานทดแทน รวมถึงมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานหมุนเวียน ทำให้คาดการณ์ว่าพลังงานจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนจะเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ ในอนาคต
แต่รู้หรือไม่ว่า ณ ปัจจุบัน ประเทศไหนคือผู้นำด้านการผลิตพลังงานทดแทน และสามารถเพิ่มการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนได้ในสัดส่วนที่เยอะที่สุด และประเทศไทยของเราอยู่ในตำแหน่งไหนของโลก มาดูกัน
5 ประเทศชั้นนำ ผลิตพลังงานทดแทนเยอะที่สุดในโลก Clean Energy
อันดับ 1 ไอซ์แลนด์
สัดส่วนการผลิตพลังงานทดแทน : ร้อยละ 86.87
ไอซ์แลนด์เป็นหนึ่งในประเทศที่มีภูมิศาสตร์ที่โดดเด่นมาก ไม่ว่าจะเป็นภูเขาไฟ น้ำพุร้อน ทุ่งลาวา ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นสถานที่ที่งดงามมาก ๆ เท่านั้น แต่มันยังมีประโยชน์ในการเป็นแหล่งพลังงานหมุนเวียนด้วย ไอซ์แลนด์ตั้งอยู่บนสันเขากลางมหาสมุทรแอตแลนติก ซึ่งเป็นรอยต่อแผ่นเปลือกโลกที่มีพลังงานความร้อนใต้พิภพ ประเทศนี้ก็สามารถตั้งโรงไฟฟ้าที่สามารถดึงพลังงานความร้อนใต้พิภพขึ้นมาผลิตไฟฟ้าได้ และก็ไม่เพียงพลังงานความร้อนใต้พิภพเท่านั้น ยังได้มีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานน้ำและพลังงานลมด้วย
บริษัทพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์ชื่อลันด์สเวียร์จุน (Landsvirkjun) ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานแห่งชาติของประเทศ ซึ่งดำเนินงานโรงไฟฟ้าพลังน้ำ 15 แห่ง โรงไฟฟ้าพลังความร้อนใต้พิภพ 3 แห่ง และโรงไฟฟ้าจากกังหันลมอีก 2 แห่ง
อันดับ 2 นอร์เวย์
สัดส่วนการผลิตพลังงานทดแทน : ร้อยละ 71.56%
พลังงานทดแทนหลักของนอร์เวย์คือพลังงานน้ำ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในประเทศผู้ส่งออกพลังงานหลักของโลก ส่วนใหญ่ดำเนินการโดยบริษัทสแตทคราฟท์ (Statkraft) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตพลังงานทดแทนรายใหญ่ที่สุดในยุโรป
นอกจากเป็นประเทศที่ผลิตไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานทดแทนได้สูงเป็นอันดับ 2 แล้ว นอร์เวย์ก็มีอีกเป้าหมายที่ทะเยอทะยานคือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้ 90 – 95% จากระดับในปี 1990 ภายในปี 2050 ซึ่งสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (International Energy Agency : IEA) ก็เชื่อว่าเป็นไปได้ แต่จะต้องทุ่มเทอย่างมาก โดยเฉพาะในด้านการขนส่งและอุตสาหกรรม
อันดับ 3 สวีเดน
สัดส่วนการผลิตพลังงานทดแทน : ร้อยละ 50.92%
สวีเดนเป็นประเทศแรกที่แนะนำการกำหนดราคาคาร์บอนและยังเป็นประเทศที่มีราคาคาร์บอนสูงที่สุดในโลก สวีเดนมีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 59% จากระดับปี 2005 ภายในปี 2030 และตั้งเป้าให้เศรษฐกิจคาร์บอนเป็นศูนย์ภายในปี 2045
ในปี 2012 สวีเดนบรรลุเป้าหมายในการใช้พลังงานหมุนเวียนเกิน 50% และตั้งเป้าผลิตไฟฟ้าหมุนเวียน 100% ภายในปี 2040 แหล่งพลังงานหมุนเวียนที่ใช้กันมากที่สุดคือพลังงานน้ำซึ่งส่วนใหญ่ใช้ในการผลิตไฟฟ้า และพลังงานชีวภาพซึ่งส่วนใหญ่ใช้เพื่อให้ความร้อน
อันดับ 4 บราซิล
สัดส่วนการผลิตพลังงานทดแทน : ร้อยละ 46.22%
นี่เป็นผู้นำด้านการผลิตพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนในอเมริกาใต้ คาดว่าภายในปี 2029 การลงทุนในภาคไฟฟ้าของบราซิลจะสูงถึง 9.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3.3 ล้านล้านบาท
พลังงานทดแทนที่ใช้เยอะในบราซิลคือพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม แต่ตลาดพลังงานนิวเคลียร์ในบราซิลก็ถือว่ามีแนวโน้มที่ดี โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าในอีก 30 ปีจะมีลงทุนประมาณ 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.75 ล้านล้านบาทในภาคพลังงานนิวเคลียร์ของบราซิล แต่ในปัจจุบันบราซิลมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 2 แห่ง คืออังกรา 1 (Angra 1) และอังกรา 2 มีกำลังการผลิตติดตั้งมากกว่า 1,900 เมกะวัตต์ (MW) ซึ่งคิดเป็น 2% ของการผลิตไฟฟ้าของบราซิล ส่วนอังกรา 3 อยู่ระหว่างขั้นตอนการก่อสร้าง
อันดับ 5 นิวซีแลนด์
สัดส่วนการผลิตพลังงานทดแทน : ร้อยละ 40.22
นิวซีแลนด์นับว่าประสบความสำเร็จในการผลิตพลังงานไฟฟ้าโดยที่ไม่ได้รับงบสนับสนุนจากรัฐบาล โดยเฉพาะในภาคส่วนพลังงานน้ำและพลังงานความร้อนใต้พิภพ นิวซีแลนด์ยังให้คำมั่นว่าจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 30% จากระดับในปี 2005 ภายในปี 2030 หนึ่งในผู้ให้บริการพลังงานรายใหญ่ที่สุดในประเทศคือบริษัทเจเนซิส (Genesis)