5 อันดับ มหาเศรษฐีในประเทศไทย เจ้าสัวเรดบูล แซง เครือซีพี ขึ้นที่ 1
นิตยสาร Forbes ชื่อดัง ได้เปิดเผย 5 อันดับมหาเศรษฐีไทย พบว่า เฉลิม อยู่วิทยา กระโดดขึ้นมานั่งแท่นอันดับ 1 จากการที่ธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังมียอดขายมากกว่า 1.2 หมื่นล้านกระป๋องทั่วโลก
ขณะที่มหาเศรษฐีของกลุ่มธุรกิจเจริญโภคภัณฑ์หรือที่รู้จักกันดีในนามเจ้าสัวซีพีที่ครองอันดับ 1 มายาวนานเกือบทศวรรษ ร่วงลงมาอยู่อันดับ 2 โดยเป็นผลจากหุ้นหนึ่งในบริษัท Ping An Insurance ของจีนที่ร่วงต่ำลงส่งผลให้รายได้ 3.4 หมื่นล้านเหรียญปีก่อน ลดลงเหลือ 2.9 หมื่นล้านเหรียญในปีนี้
โฉมหน้า 5 อันดับมหาเศรษฐีไทย มีดังนี้
อันดับ 1. เฉลิม อยู่วิทยา และครอบครัว
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ : 3.6 หมื่นล้านเหรียญ (คิดเป็นเงินไทยราว 1.32 ล้านล้านบาท)
แหล่งความมั่งคั่ง : อาหารและเครื่องดื่ม
เฉลิม อยู่วิทยา มหาเศรษฐีไทย 2024 เจ้าของร่วม Red Bull เครื่องดื่มชูกำลังอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งขายได้มากกว่า 1.2 หมื่นล้านกระป๋องทั่วโลกในปี 2023 โดยครอบครัวอยู่วิทยาถือหุ้นอยู่ 51% ซึ่งในจำนวนนี้มีหุ้นจำนวนเล็กน้อยที่เป็นของเฉลิม ลูกชายคนโตของผู้ร่วมก่อตั้งกระทิงแดงผู้ล่วงลับไปแล้วอย่าง ‘เฉลียว อยู่วิทยา’
ในปี 2020 Red Bull Thailand ชนะการต่อสู้เครื่องหมายการค้าซึ่งเกี่ยวข้องกับ Red Bull ในประเทศจีนมาหลายปีแล้ว
ขณะที่มหาเศรษฐีชาวออสเตรีย Dietrich Mateschitz ผู้ซึ่งร่วมกับพ่อของเฉลิมเป็นผู้สร้างสรรค์ Red Bull เครื่องดื่มอันเป็นเอกลักษณ์นี้ เสียชีวิตในเดือนตุลาคม 2022 ขณะอายุ 78 ปี
อันดับ 2. เจียรวนนท์
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ : 2.9 หมื่นล้านเหรียญ (คิดเป็นเงินไทยราว 1.06 ล้านล้านบาท)
แหล่งความมั่งคั่ง: อาหารและเครื่องดื่ม
มหาเศรษฐีไทย 2024 พี่น้องเจียรวนนท์ ประกอบไปด้วยสามพี่น้อง รวมถึงครอบครัวของมนตรี เจียรวนนท์ บุตรชายคนที่ 2 ของท่านเจี่ย เอ็กชอ ผู้ก่อตั้งเจียไต๋ ต้นกำเนิดธุรกิจของเครือซีพี ที่เริ่มจากการเปิดร้านจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ที่นำเข้าจากจีนให้เกษตรกรไทยในปี 1921
สำหรับ ‘ธนินท์ เจียรวนนท์’ (ในภาพ) เป็นประธานและซีอีโอของซีพีมาเป็นเวลา 48 ปี จนกระทั่งเขาก้าวลงจากตำแหน่งในปี 2017 แต่ยังคงเป็นประธานอาวุโส โดยมี สุภกิต และศุภชัย ลูกชายของเจ้าสัวธนินท์ เป็นประธานและซีอีโอของซีพี ตามลำดับ
ภาพรวมธุรกิจที่สำคัญคือในปี 2023 ธุรกิจโทรคมนาคมของเครืออย่าง True ได้ควบรวมกิจการเสร็จสิ้นกับค่ายคู่แข่งอย่าง DTAC
อันดับ 3. เจริญ สิริวัฒนภักดี
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 1.0 หมื่นล้านเหรียญ (คิดเป็นเงินไทยราว 3.68 แสนล้านบาท)
แหล่งความมั่งคั่ง: อาหารและเครื่องดื่ม
จากลูกชายของพ่อค้าริมถนนในกรุงเทพ ‘เจริญ สิริวัฒนภักดี’ ได้กลายเป็นผู้กุมบังเหียนไทยเบฟเวอเรจ มหาเศรษฐีไทย 2024 ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเมื่อพิจารณาจากรายได้ ซึ่งมีโปรดักต์ที่เป็นที่รู้จักในวงกว้างคือเบียร์ช้าง
ทรัพย์สินขนาดใหญ่อื่นๆ ได้แก่ เครื่องดื่มและอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ที่จดทะเบียนในสิงคโปร์ Fraser & Neave นอกจากนี้ยังมีอาณาจักรค้าปลีก ได้แก่ เครือไฮเปอร์มาร์เก็ต บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ซึ่งเข้าซื้อกิจการในปี 2016 ด้วยมูลค่ามากกว่า 6 พันล้านเหรียญ
นอกจากนี้ยังมีบริษัทอสังหาริมทรัพย์อย่าง AWC ที่จดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชนเมื่อตุลาคม 2019 ซึ่งเจริญยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ โดย AWC นั้นมีโรงแรมในแหล่งท่องเที่ยวมากมาย เช่น กรุงเทพฯ ภูเก็ต กระบี่ และพัทยา เป็นต้น
โปรเจ็กต์อสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่คือโครงการมิกซ์ยูสใจกลางกรุงเทพฯ อย่าง One Bangkok มูลค่ากว่า 3.5 พันล้านเหรียญ โดยโครงการนี้ดูแลโดย ‘ปณต’ บุตรชายของเขา
อันดับ 4. ครอบครัวจิราธิวัฒน์
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 9.9 พันล้านเหรียญ (คิดเป็นเงินไทยราว 3.64 แสนล้านบาท)
แหล่งความมั่งคั่ง: แฟชั่นและค้าปลีก
ครอบครัวจิราธิวัฒน์ เจ้าของกลุ่มเซ็นทรัล (ในภาพคือ สุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์) เป็นผู้พัฒนาห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ที่สุดของประเทศในแง่ของพื้นที่เช่าสุทธิ
ในปี 2020 ครอบครัวนี้ได้จดทะเบียนบริษัทค้าปลีกเอกชนชื่อ Central Retail ซึ่งระดมทุนได้ 2.5 พันล้านเหรียญในการเสนอขายหุ้น IPO ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย
ในเดือนพฤศจิกายน 2023 กลุ่มเซ็นทรัลยังได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในห้างสรรพสินค้า Selfridges ในลอนดอน และกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อีกด้วย นอกจากนี้ในเดือนเมษายน 2024 กลุ่มเซ็นทรัลได้ซื้ออาคารห้างสรรพสินค้า KaDeWe อันโดดเด่นจากบริษัท Signa ในออสเตรียที่ล้มละลาย ในมูลค่ากว่า 1 พันล้านเหรียญ
อันดับ 5. สารัชถ์ รัตนาวะดี
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 9.2 พันล้านเหรียญ (คิดเป็นเงินไทยราว 3.38 แสนล้านบาท)
แหล่งความมั่งคั่ง: พลังงาน
สารัชถ์ รัตนาวะดี ดำรงตำแหน่งซีอีโอของกัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดของประเทศไทยเมื่อพิจารณาจากกำลังการผลิตติดตั้ง
เขานำบริษัทเข้าสู่มหาชนในปี 2017 โดยระดมทุนได้มากกว่า 700 ล้านเหรียญ ซึ่งถือเป็นการเสนอขายหุ้น IPO ครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศในรอบทศวรรษ
ในปี 2021 สารัชถ์ได้เข้าถือหุ้นใน InTouch Holdings ยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคมและหน่วยไร้สาย Advanced Info Service (AIS) ทั้งนี้ การร่วมทุนระหว่างกัลฟ์ เอ็นเนอร์จี กับ Singtel และ AIS เพื่อจัดตั้งดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทย คาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ในปี 2025
นอกจากโทรคมนาคมแล้ว สารัชถ์ยังให้ความสนใจในคริปโทเคอร์เรนซี่อีกด้วย โดยในเดือนมกราคม 2024 Gulf Energy ได้ร่วมทุนกับ Binance เปิดตัวกระดานแลกเปลี่ยนคริปโทฯ ในประเทศไทย