

วันนี้พามารู้จักและทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Trend รักษ์โลก ใครก็ทำได้ แค่เปลี่ยนไลฟ์สไตล์ ไฟป่าใหญ่ในออสเตรเลียและป่าแอมะซอน น้ำท่วมใหญ่ทั่วยุโรป ฝนตกหนักที่สุดในรอบพันปีที่ตามมาด้วยน้ำท่วมใหญ่ในจีน และอีกหลายภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งใหญ่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ประชากรโลกกำลังต่อสู้กับโรคระบาด เรายังต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ สร้างความเสียหายทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม สุขภาพ ชีวิตและทรัพย์สินมหาศาล ไม่เพียงแต่ในปัจจุบัน แต่ยังรวมถึงอนาคตด้วย โดยพวกเราทุกคนต่างเป็นผู้ที่มีส่วนทั้งเป็นต้นเหตุและเป็นผู้รับผล
ปัจจุบันค่าเฉลี่ยของการสร้าง Carbon Footprint (ปริมาณร่องรอยการปล่อยก๊าซเรือนกระจก) ของคนทั่วโลกอยู่ที่ 4 ตันต่อ 1 คนต่อปี วันนี้เรามีประชากรโลกราว 7.9 พันล้านคน นั่นหมายความว่ามนุษย์กำลังสร้างก๊าซเรือนกระจกจำนวนมหาศาล จึงพาโลกใกล้ถึงจุดวิกฤต
และเพื่อไม่ให้อุณหภูมิเฉลี่ยโลกเพิ่มขึ้นอีก 2 องศาเซลเซียส เราจำเป็นต้องลด Carbon Footprint นี้ให้ต่ำกว่า 2 ตัน ภายในปี 2050 ให้ได้ ไม่ใช่ ‘แค่จะ’ แต่ ‘ต้องลงมือทำทันที’
พูดมันง่าย แต่ทำยาก เพราะต้องอาศัยความร่วมมือและความกล้าจากพวกเราทุกคน ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องจับมือกันเพื่ออนาคตของโลกของเรา และของคนรุ่นต่อไป
แค่เปลี่ยนอาหารที่กินก็ช่วยโลกได้ ! ปัจจุบันอุตสาหกรรมอาหารก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกจากฝีมือมนุษย์มากถึง 35% โดยเฉพาะการผลิตอาหารจากสัตว์ และการทำฟาร์มปศุสัตว์ ซึ่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากกว่าการผลิตอาหาร Plant-Based ถึงสองเท่า
ด้วยความตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อมที่มากขึ้น และนวัตกรรมอาหารที่ทำให้อาหารจากพืชทดแทนการกินเนื้อสัตว์ได้ ทำให้เทรนด์การกินอาหาร Plant-Based เป็นที่นิยม โดยคาดการณ์ว่ามูลค่าในตลาดนี้จะเพิ่มสูงถึง 44,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2022
Fast Fashion หรือกระบวนการผลิตเสื้อผ้าที่เน้นความรวดเร็ว ใช้ต้นทุนต่ำ ทั้งต้นทุนวัตถุดิบและค่าแรง เสื้อผ้าที่ออกมาจึงราคาถูก เข้าถึงคนได้ทุกระดับ แต่ต้องแลกมาด้วยการทำลายสิ่งแวดล้อม และการริดรอนความเป็นมนุษย์ของแรงงานที่ถูกเอาเปรียบ
อุตสาหกรรมแฟชั่นนอกจากจะปล่อยก๊าซเรือนกระจกแล้ว ยังเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่ใช้ทรัพยากรน้ำเป็นอันดับสองของโลก การผลิตเสื้อผ้าฝ้ายหนึ่งตัวต้องใช้ปริมาณน้ำมากถึง 3,000 ลิตร นอกจากนั้นสีที่ใช้ย้อมเสื้อผ้ายังก่อให้เกิดมลพิษในน้ำอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้เอง ผู้บริโภคในยุคใหม่ที่มีความตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อมและสิทธิมนุษยชนจึงเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อและส่งเสียงไปยังแบรนด์ผู้ผลิตให้เปลี่ยนแปลงมากขึ้นเรื่อย ๆ
การลงทุนก็ช่วยโลกได้ ปัจจุบันเทรนด์การลงทุน ESG (Environmental Social และ Governance) หรือการลงทุนที่คำนึงถึงการสร้างความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม สังคม และหลักธรรมาภิบาลกำลังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในหมู่คนรุ่นใหม่ที่พิจารณาปัจจัยด้าน ESG เป็นส่วนสำคัญในพอร์ตการลงทุนระยะยาว
รถยนต์พลังงานไฟฟ้ากำลังเป็นที่พูดถึงอย่างมาก โดยเฉพาะในยุคน้ำมันแพง ทำให้ผู้บริโภคต้องการหาทางเลือกใหม่ ๆ สอดรับกับนโยบายจากภาครัฐในการสนับสนุนให้ใช้รถ EV ลดภาษีขาเข้า ภาษีสรรพสามิต พร้อมให้เงินหนุนเพิ่มอีกด้วย ภาคธุรกิจพลังงานก็พากันกระโดดเข้ามาลงทุนในพลังงานไฟฟ้ามากขึ้น เพื่อรองรับการใช้งานของผู้บริโภค
นอกจากนั้นยังมีสถาบันการเงินที่เข้ามาร่วมวงด้วย เช่น ธนาคารกสิกรไทย ที่เพิ่งจะเปิดตัวโปรเจกต์ GO GREEN Together ซึ่งหนึ่งในไฮไลต์สำคัญคือ การปล่อยแคมเปญสินเชื่อ GREEN ZERO ให้สินเชื่อรถยนต์พลังงานไฟฟ้า พร้อมโปรโมชันขับฟรี ผ่อน 0 บาท ในระยะเวลา 90 วัน
ในปี 2025 นี้ มีการคาดการณ์ว่าในไทยจะมีการติดตั้ง Solar Rooftop หรือหลังคาโซลาร์เซลล์เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะบ้านที่อยู่อาศัยและโรงงาน เนื่องจากมีราคาถูกลงและมีประสิทธิภาพสูงขึ้นจากเทคโนโลยีการพัฒนาแบตเตอรี่สำหรับการใช้ในเชิงพาณิชย์
อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างมีราคาที่ต้องจ่าย อาหาร Plant-based ก็มีราคาสูงกว่าอาหารทั่วไป เสื้อผ้า Fast Fashion ก็จับต้องเข้าถึงได้ง่ายกว่าแบรนด์เสื้อผ้าอื่น ๆ รถยนต์ไฟฟ้า หลังคาโซลาร์เซลล์ ทุกอย่างมีราคาที่ต้องจ่าย และไม่ใช่ด้วยมือใครคนใดคนหนึ่ง แต่พวกเราต้องร่วมด้วยช่วยกัน เพราะหากทุกส่วนร่วมกันจริงจัง สินค้าและบริการเหล่านี้ก็จะถูกลงไปด้วย