
ลาเดินทางไปต่างประเทศ สนามบิน (Airport) คือจุดเริ่มต้นของทุกทริป และบางแห่งไม่ใช่แค่ที่เช็คอินขึ้นเครื่องเท่านั้น แต่ยังอลังการจนต้องร้องว้าว! บางที่ใหญ่เท่ากับเมืองทั้งเมือง บางที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ และบางที่ก็มีเรื่องเล่าชวนขนลุกที่ทำให้สนามบินกลายเป็นแลนด์มาร์กสำคัญ วันนี้มาดูกันว่า 10 สนามบินที่ใหญ่ที่สุดในโลกมีอะไรเด็ด ๆ บ้าง
แน่นอนว่าการเดินทางไกลแบบนี้ ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการเตรียมความพร้อมให้ครบถ้วน! นอกจากตั๋วเครื่องบินและพาสปอร์ตแล้ว ประกันเดินทาง ก็คืออีกหนึ่งไอเทมที่ต้องมีติดตัว เที่ยวไหนก็อุ่นใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องไฟล์ทดีเลย์ กระเป๋าหาย หรือค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉิน เพราะประกันเดินทางเบี้ยเริ่มต้นแค่ 59 บาทต่อทริป แต่ให้ความคุ้มครองแบบจัดเต็ม พร้อมดูแล 24 ชั่วโมง จะเดินทางเที่ยวเดียวหรือเดินทางบ่อยก็เลือกได้ทั้ง รายเที่ยว และ รายปี สบายใจทุกทริปแน่นอน
มาชม 5 สนามบิน (Airport) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่เห็นแล้วต้องว้าว!

1.สนามบินคิงฟาฮัด (King Fahd International Airport) – ซาอุดีอาระเบีย
ถ้าเรื่องขนาดต้องยกให้ที่นี่แบบไม่มีใครเทียบได้ เพราะสนามบินนี้มีพื้นที่ใหญ่ถึง 780 ตารางกิโลเมตร ใหญ่ชนิดที่ว่าสามารถสร้างเมืองใหม่ได้สบาย ๆ ตั้งอยู่ในเมืองดัมมาม เปิดใช้งานมาตั้งแต่ปี 1999 ออกแบบมาเพื่อรองรับปริมาณผู้โดยสารจำนวนมหาศาล มีอาคารผู้โดยสารที่จุคนได้กว่า 12 ล้านคนต่อปี ที่สำคัญคือเป็นสนามบินเดียวในโลกที่มีมัสยิดภายในตัวอาคาร เพื่อให้ผู้โดยสารที่นับถือศาสนาอิสลามสามารถประกอบพิธีทางศาสนาได้อย่างสะดวกสุด ๆ
อีกจุดที่ทำให้สนามบินนี้โดดเด่นคือ ลานจอดเครื่องบินที่กว้างขวาง รองรับเครื่องบินทุกขนาด ตั้งแต่เครื่องบินโดยสารทั่วไปยันเครื่องบินขนส่งขนาดใหญ่แบบไม่มีปัญหา ระบบขนส่งภายในสนามบินก็จัดว่าครบครัน มีทางเดินเชื่อมที่ออกแบบมาให้ผู้โดยสารเดินสะดวก ไม่ต้องกลัวหลง ที่สำคัญคือสนามบินยังมีพื้นที่รกร้างที่เตรียมไว้ขยายเพิ่มในอนาคตอีกเพียบ ถือเป็นหนึ่งในสนามบินที่มีศักยภาพสูงสุดในโลกเลยก็ว่าได้
2.สนามบินเดนเวอร์ (Denver International Airport) – สหรัฐอเมริกา
สนามบินนี้ไม่ได้มีดีแค่ขนาดใหญ่ 135 ตารางกิโลเมตร แต่ยังเต็มไปด้วยเรื่องเล่าปริศนาที่ทำให้คนสงสัยกันมานาน เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 1995 โดยถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการเติบโตของเมืองเดนเวอร์ในอนาคต มีรันเวย์ทั้งหมด 6 เส้น ซึ่งเส้นที่ยาวที่สุดดันมีรูปร่างคล้ายกับสัญลักษณ์ลึกลับบางอย่าง ทำให้เกิดทฤษฎีสมคบคิดขึ้นเพียบ
ภายในสนามบินมีอาคารผู้โดยสารหลักที่ชื่อว่า Jeppesen Terminal ที่ออกแบบให้มีเพดานสูง โปร่งโล่ง ดูหรูหรา จุดที่น่าสนใจอีกอย่างคือสนามบินนี้มีงานศิลปะลึกลับกระจายอยู่ทั่วบริเวณ ตั้งแต่ภาพวาดขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนมีเรื่องราวซ่อนอยู่ ไปจนถึงรูปปั้นม้าสีฟ้าตาแดง “Blucifer” ที่ทำให้ผู้โดยสารหลายคนขนลุก ที่สำคัญคือใต้สนามบินยังมีเครือข่ายอุโมงค์ลับที่ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่ามันมีไว้เพื่ออะไร นี่จึงเป็นสนามบินที่เต็มไปด้วยปริศนาน่าค้นหา และเป็นจุดหมายปลายทางที่มีเสน่ห์ในตัวเอง
3.สนามบินดัลลาส/ฟอร์ตเวิร์ธ (Dallas/Fort Worth International Airport) – สหรัฐอเมริกา
สนามบินที่ใหญ่ที่สุดในรัฐเท็กซัส กินพื้นที่กว่า 69.5 ตารางกิโลเมตร ใหญ่ชนิดที่ว่าสามารถใส่มหานครแมนฮัตตันลงไปได้แบบเหลือ ๆ เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1974 โดยเป็นศูนย์กลางการบินหลักของสายการบิน American Airlines มีรันเวย์ทั้งหมด 7 เส้น ซึ่งสามารถรองรับเครื่องบินที่ขึ้นลงได้อย่างต่อเนื่องแบบไม่มีติดขัด
ความพิเศษของสนามบินนี้คือระบบขนส่งภายในที่ชื่อว่า SkyLink ซึ่งเป็นระบบรถไฟฟ้าที่เร็วที่สุดในโลกสำหรับการเดินทางภายในสนามบิน ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถเดินทางระหว่างอาคารได้ภายในไม่กี่นาที นอกจากนี้ สนามบินยังมีโรงแรมอยู่ภายในตัวอาคาร ทำให้ผู้โดยสารที่ต้องรอต่อเครื่องเป็นเวลานานสามารถพักผ่อนได้โดยไม่ต้องออกไปไหน ถือเป็นสนามบินที่ให้ความสะดวกสบายระดับสุดยอดเลยก็ว่าได้
4.สนามบินออร์แลนโด (Orlando International Airport) – สหรัฐอเมริกา
สนามบินนี้ไม่ได้เป็นแค่สนามบิน แต่เป็นเหมือนประตูสู่โลกแห่งเวทมนตร์ เพราะเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่มา Disney World และ Universal Studios โดยมีขนาดพื้นที่กว่า 53.8 ตารางกิโลเมตร และมีผู้โดยสารเดินทางเข้าออกมากกว่า 50 ล้านคนต่อปี
สิ่งที่ทำให้สนามบินนี้พิเศษคือการออกแบบที่ให้บรรยากาศเหมือนรีสอร์ต มากกว่าสนามบินทั่วไป ทุกมุมของสนามบินให้ความรู้สึกโปร่งโล่ง ไม่อึดอัด มีพื้นที่สีเขียวให้ผู้โดยสารได้พักสายตา และยังมีร้านขายของที่ระลึกจากดิสนีย์โดยเฉพาะ ทำให้แม้แต่การรอเที่ยวบินก็ยังให้ความรู้สึกเหมือนได้สัมผัสความมหัศจรรย์ตั้งแต่ก่อนเริ่มทริป
5.สนามบินวอชิงตัน ดัลเลส (Washington Dulles International Airport) – สหรัฐอเมริกา
สนามบินนี้เป็นสนามบินหลักของกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. มีพื้นที่กว่า 48.6 ตารางกิโลเมตร เปิดใช้งานมาตั้งแต่ปี 1962 และออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดัง Eero Saarinen จุดเด่นที่ทำให้สนามบินนี้แตกต่างจากที่อื่นคือ “Mobile Lounges” หรือรถรับส่งผู้โดยสารที่มีดีไซน์เหมือนยานพาหนะในหนังไซไฟ ระบบนี้ช่วยให้ผู้โดยสารเดินทางจากประตูเครื่องบินไปยังอาคารผู้โดยสารได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องเดินไกล
อีกหนึ่งความพิเศษคือสนามบินนี้เป็นหนึ่งในสนามบินที่มีเที่ยวบินตรงไปยังนานาประเทศมากที่สุดในสหรัฐฯ จึงกลายเป็นจุดเชื่อมโยงการเดินทางระหว่างประเทศที่สำคัญ นอกจากนี้ยังมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ล้ำสมัย และการจัดการเที่ยวบินที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้แม้จะเป็นสนามบินที่มีผู้โดยสารหนาแน่น แต่ก็ยังให้บริการได้อย่างราบรื่น
ขอบคุณข้อมูล : insurverse
อ่านบทความและข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมจากเรา : RANKING5